BTU ที่เหมาะกับห้อง

การเลือก BTU แอร์ ให้เหมาะสมกับพื้นที่ห้อง

         คงปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ถ้าจะบอกว่า แอร์ เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับผู้คนในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะสำหรับประเทศไทยที่มีอุณหภูมิในฤดูร้อนมากถึง 40 องศา แค่นั่งอยู่เฉยๆเหงื่อก็แตกแล้ว แอร์จึงกลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆของบ้านและอาคารต่างๆที่ต้องเผชิญกับความร้อน ทำให้เวลาที่เราทำบ้านหรือทำคอนโด แน่นอนว่าจะต้องมีการใช้เวลา 2-3 วันเพื่อออกไปเลือกแอร์เข้าติดตั้งในบ้าน แต่การเลือกแอร์อาจจะไม่ใช่งานง่ายสำหรับหลายๆ คน บางคนอาจจะรู้สึกว่าการเลือกแอร์เป็นงานยากด้วยซ้ำ แม้ว่าที่จริงแล้วการเลือกแอร์จะไม่ใช่เรื่องยากเลยก็ตาม

 

          การเลือกแอร์ โดยเฉพาะแอร์บ้านจริงๆแล้วไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่ด้วยจำนวนรุ่น, จำนวนยี่ห้อ, จำนวนขนาดที่มีให้เลือกเยอะ อาจจะทำให้หลายๆ คนเกิดความสับสนและคิดว่าการเลือกแอร์เป็นเรื่องยาก แต่ถึงแม้ว่าแอร์จะมีรุ่นให้เลือกมากมายหลายรุ่น แต่สุดท้ายหลักการเลือกแอร์ก็จะคล้ายๆ กัน ถ้ารู้วิธีการเลือกแอร์แล้วก็จะสามารถเลือกซื้อได้ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ประหยัดเงิน เลือกขนาดที่เหมาะสมกับตัวห้อง และที่สำคัญคือไม่ต้องกังวลว่าจะโดนพนักงานขายชักจูงให้ซื้อรุ่นที่สูงและแพงเกินความจำเป็นอย่างแน่นอน

 

          ในบทความนี้สิทธิโชติแอร์จะมาแชร์วิธีการเลือกแอร์ โดยเน้นเขียนให้เข้าใจง่ายๆ เพื่อให้ผู้อ่านสามารถทำความเข้าใจการเลือกแอร์ได้ด้วยตัวเอง เหมาะกับคนที่ไม่เคยเลือกแอร์มาก่อนสามารถที่จะอ่านแล้วเดินทางไปซื้อแอร์ที่ห้างสรรพสินค้าได้ด้วยตัวเองในทันที การเลือกแอร์มีสิ่งที่ต้องยึดมั่นเป็นอย่างมากคือ “ให้เลือกแอร์ที่มีขนาดเหมาะสมกับพื้นที่ห้อง” การเลือกแอร์ที่ผิดพลาดส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นจากการซื้อแอร์ที่ไม่เหมาะสมกับพื้นที่ห้องเช่น ห้องมีขนาดใหญ่แต่เลือกแอร์ตัวเล็กก็จะทำให้เปลืองไฟและแอร์พังได้ง่าย หรือ ห้องมีขนาดเล็กแต่เลือกแอร์ที่มีขนาดใหญ่เกินไปก็จะทำให้เสียเงินเยอะเกินไปโดยใช้เหตุ

 

          ดังนั้นเมื่อพูดถึงการเลือกแอร์แล้ว คำศัพท์ที่มีความสำคัญและคุ้นหูหลายๆคนมากที่สุดคงหนีไม่พ้น “BTU” มันคือตัวเลขที่มีความสำคัญต่อการเลือกแอร์มากที่สุด มากกว่าราคาด้วยซ้ำ ว่าแต่ BTU มันคืออะไร ถ้าตอบแบบรวดเร็วค่า BTU ก็คือตัวเลขที่แสดงถึงความสามารถในการสร้างความเย็นของแอร์แต่ละตัว เราไปรู้จักค่า BTU แบบละเอียดรวมถึงการเลือกแอร์ที่มีค่า BTU แบบต่างๆกันด้านล่างนี้เลย

BTU คือ อะไร

BTU (British Thermal Unit) คือ หน่วยที่ใช้วัดปริมาณความร้อนหน่วยหนึ่ง (ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันมากในระบบของเครื่องปรับอากาศ) สามารถเทียบได้กับหน่วยจูลหรือแคลอรี่ในระบบสากล โดยที่ความร้อน 1 BTU คือปริมาณความร้อนที่ทำให้น้ำ 1 ปอนด์มีอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง 1 องศาฟาเรนไฮด์ แอร์นั้นจะวัดกำลังความเย็นหรือความสามารถในการดึงความร้อน (ถ่ายเทความร้อน) ออกจากห้องปรับอากาศในหน่วยบีทียู (BTU) เช่นแอร์ขนาด 14,000 บีทียูต่อชั่วโมง หมายความว่าแอร์เครื่องนั้นมีความสามารถในการดึงความร้อนออกจาก ห้องปรับอากาศ 14,000 บีทียูภายในเวลา 1 ชั่วโมง

ทำไมต้องเลือก BTU แอร์ ให้พอเหมาะกับขนาดของห้อง

  •  ถ้าเลือก BTU สูงไป คอมเพรสเซอร์จะทำงานตัดบ่อยเกินไป ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดน้อยลง ทำให้ความชื้นในห้องสูง ไม่สบายตัวและที่สำคัญราคาแพงและสิ้นเปลืองพลังงาน

 

  • ถ้าเลือก BTU ต่ำไป คอมเพรสเซอร์จะทำงานตลอดเวลา เพราะความเย็นห้องไม่ได้ตามอุณหภูมิที่ตั้งไว้ อาจจะสิ้นเปลืองพลังงานมากกว่าเลือกบีทียูที่พอดีกับห้อง และทำให้อายุการใช้งานของเครื่องสั้นลง มีโอกาสเสียเร็วมากขึ้น รวมถึงทางแบรนด์ผู้ผลิต โรงงาน ศูนย์บริการ ในฐานะเจ้าของผลิตภัณฑ์อาจจะไม่ได้รับประกันในตัวสินค้า กรณีตัวสินค้ามีปัญหา เนื่องจากการใช้งานผิดสเป็ค ผิดประเภท หรือผิดขนาด

 ตารางข้างต้นเป็นการคำนวณบีทียูห้องมาตรฐาน ทั้งนี้คุณลูกค้าควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆเพิ่มเติม

คำนวณโดยการใช้สูตรพื้นที่ห้อง

BTU = [กว้าง(เมตร) x ยาว(เมตร)] x ตัวแปร

 

ตัวแปร

  • 750 สำหรับห้องนอนปกติ : ที่ไม่โดดแดด
  • 800 สำหรับห้องนอนปกติ : ที่โดดแดด
  • 850 สำหรับห้องทำงาน : ที่ไม่โดดแดด
  • 900 สำหรับห้องทำงาน : ที่โดดแดด
  • 950 – 1,100 สำหรับร้านอาหาร ร้านทำผม มินิมาร์ท ร้านค้า สำนักงาน : ที่ไม่โดดแดด
  • 1,000 – 1,200 สำหรับร้านอาหาร ร้านทำผม มินิมาร์ท ร้านค้า สำนักงาน : ที่โดดแดด
  • 1,100 – 1,500 ห้องประชุม ห้องสัมมนา ร้านอาหารสุกี้/ชาบู/ปิ้งย่างที่มีหม้อต้มหรือเตาความร้อนเยอะ หรือห้องที่มีจำนวนคนต่อพื้นที่เยอะกว่าปกติหลายเท่า

ตัวอย่างการคำนวณ

 

ห้องนอนไม่ค่อยโดดแดด กว้าง 5.5 เมตร, ยาว 6 เมตร 

BTU = [5.5 เมตร x 6 เมตร] x 700

       = 33 ตารางเมตร x 700

       = 23,100 => 24,000

เพราะฉะนั้น คุณลูกค้าควรใช้แอร์ขนาด 24,000 บีทียู (สามารถสูง-ต่ำได้นิดหน่อย แต่ไม่ควรเกิน 1,000 บีทียู)

 

ปัจจัยที่ควรพิจารณาเพิ่มเติม 

  • ทิศทางที่แดดส่องหรือทิศที่ตั้งของห้อง
  • วัสดุหลังคามีฉนวนกันความร้อนหรือไม่
  • ความสูงระหว่างพื้นกับเพดานห้อง
  • ขนาดของประตูหรือหน้าต่างกระจก
  • ความถี่ในการเปิด/ปิดประตู เข้า/ออก
  • จำนวนคนในห้อง
  • จำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้อง อาทิ คอมพิวเตอร์ ตู้เย็น ไมโครเวฟ เตาอบ

ห้องที่มีฝ้าเพดานสูง คำนวณโดยใช้สูตรปริมาตรของห้อง

 

BTU = [[กว้าง(เมตร) x ยาว(เมตร) x สูง(เมตร)] x ตัวแปร] / 3

 

ตัวอย่างการคำนวณห้องที่มีเพดานสูง

 

ห้องทำงานโดดแดด กว้าง 6 เมตร, ยาว 8 เมตร, สูง 4 เมตร

BTU = [[6 เมตร x 8 เมตร x 4 เมตร ] x 900] / 3

       = [192 ตารางเมตร x 900] / 3

       = 172,800 / 3

       = 57,600 => 58,000

เพราะฉะนั้น คุณลูกค้าควรใช้แอร์ขนาด 58,000 บีทียู (สามารถสูง-ต่ำได้นิดหน่อย แต่ไม่ควรเกิน 1,000 บีทียู)

วิดีโอ แนะนำ การคิดคำนวน BTU ของแอร์ ให้เหมาะสมกับขนาดของห้อง จากน้องเย็นเย็น ครับ

สรุป ก็คือ การเลือกขนาด BTU ของแอร์ให้เหมาะสมกับพื้นที่ของห้อง จะช่วยให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ไม่สิ้นเปลืองพลังงาน และประหยัดค่าใช้จ่ายของคุณลูกค้าอีกด้วยนะครับ